วิธีดูแลเส้นผม รับรองว่าผมจะสวย เงางาม คงไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่อยากให้ผมของตัวเองดูนุ่มสลวยเงางามหรอกใช่ไหมล่ะคะ แต่การที่จะมีผมสวยได้นั้นก็อาจจะต้องมีวินัยในการหมั่นบำรุงดูแลเส้นผมกันหน่อย ซึ่งสาว ๆ หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องสิ้นเปลืองหรือเสียเวลา แต่ทว่าการบำรุงเส้นผมไม่จำเป็นต้องใช้เวลาหรือเงินมากมายอย่างที่คิด บางทีแค่ลองเปลี่ยนพฤติกรรมทำร้ายเส้นผมแบบเดิม ๆ ที่ทำลงไปโดยไม่รู้ตัวก็สามารถมีสุขภาพเส้นผมที่ดีขึ้นได้แล้ว วันนี้กระปุกดอทคอมจึงขอนำ 12 วิธีบำรุงเส้นผม สุดเบสิกมาฝากสาว ๆ กัน ลองทำตามดูค่ะ รับรองว่าผมของคุณจะสวย เงางาม มีน้ำหนัก โดยที่ไม่ต้องเข้าซาลอนให้เปลืองเงินเลย
1. อย่าสระผมทุกวัน
รู้ไหมว่าการสระผมทุกวันไม่ได้ช่วยให้ผมสุขภาพดีอย่างที่คิด ในทางกลับกันการสระผมบ่อย ๆ ทุกวัน จะเป็นการทำร้ายเส้นผมทำให้ผมอ่อนแอ เพราะไขมันที่เคลือบอยู่บนเส้นผมจะถูกชำระล้างออกไป นาน ๆ เข้าทำให้กลายเป็นปัญหาหนังศีรษะแห้งจนเป็นรังแคได้ง่าย เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเลิกสระผมทุกวันเสียเถอะนะคะ แล้วเปลี่ยนมาสระผมวันเว้นวันก็เพียงพอแล้ว
2. บำรุงผมด้วยครีมนวดทุกครั้งหลังสระผม
หลังสระผมทุกครั้งสาว ๆ ควรบำรุงเส้นผมด้วยครีมนวด เพราะครีมนวดจะช่วยปิดเกล็ดเส้นผมหลังสระ ทำให้เส้นผมนุ่มสสวย เงางาม มีน้ำหนัก ไม่ชี้ฟู และยังช่วยป้องกันผมแห้งเสียจากการโดนความร้อนได้ดีอีกด้วย
3. หวีผมอย่างเบามือ
แม้ว่าจะเร่งรีบสักแค่ไหน แต่คุณก็ไม่ควรรีบหวีผมให้เร็วและแรงจนเกินไป ควรหวีผมอย่างอ่อนโยนเบามือ ไม่งั้นละก็ผมของคุณคงหลุดร่วงออกมาเป็นกำเลยล่ะ นอกจากนี้คุณก็ไม่ควรหวีผมในขณะที่ผมเปียกด้วย เพราะเป็นช่วงเวลาที่รากผมกำลังอ่อนแอ หากใครผมร่วงบ่อยหรือมีปัญหาผมบาง ลองสังเกตพฤติกรรมการหวีผมของตัวเองให้ดี แล้วรีบแก้ไขซะเถอะ
4. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผมที่ดี
เดี๋ยวนี้พวกแชมพู ครีมนวดผม และผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับผมต่างก็มีออกมาให้เลือกใช้หลากหลายยี่ห้อ ฉะนั้นเมื่อไปซื้อแต่ละที ควรอ่านฉลากเพื่อดูส่วนผสม สรรพคุณ และเลือกที่เหมาะกับสภาพผมก่อน วิธีง่าย ๆ นี้จะช่วยให้ผมของคุณไร้ปัญหาแถมยังไม่เสียดายเงินที่เสียไปด้วย ก็เพราะเดี๋ยวนี้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับผมแต่ละอย่างก็ไม่ใช่ถูก ๆ เลยนะ
5. หมักผมด้วยทรีตเมนต์ไข่
ไข่ วัตถุดิบคู่ครัวที่สามารถช่วยบำรุงฟื้นฟูผมได้เป็นอย่างดี ลองนำไข่ 1 ฟอง มาตีให้ไข่แดงและไข่ขาวรวมกัน จากนั้นนำมาหมักผม 20 นาที โดยทำเพียงสัปดาห์ละครั้ง หรือจะผสมน้ำมันมะกอกลงไปด้วยก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทำให้ผมนุ่มสลวยขึ้นได้ ลองทำติดต่อกันสัก 2-3 สัปดาห์ แล้วจะทึ่งกับผลลัพธ์เลยล่ะ
6. บำรุงผมด้วยน้ำมันหลากชนิด
วิธีที่เซเลบริตี้ผู้มีผมเงางามหลายคนเลือกใช้ อย่างการบำรุงผมอย่างสม่ำเสมอด้วยบรรดาน้ำมันต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อผม ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันมะพร้าวที่ช่วยให้ผมนุ่มสลวย น้ำมันมะกอกเพื่อผมเงางาม และน้ำมันอัลมอนด์เพื่อให้ผมแข็งแรง ควรหมักผมด้วยน้ำมันเหล่านี้ก่อนสระผมประมาณ 1 ชั่วโมงทำติดต่อกัน 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพียงเท่านี้ผมของคุณก็จะสลวยสวยเก๋จนน่าอิจฉา
7. ไม่ควรจัดแต่งทรงผมบ่อย ๆ
พวกเครื่องม้วนผมไฟฟ้า เครื่องหนีบ ไดร์เป่าผม หรือเครื่องจัดแต่งทรงผมต่าง ๆ ที่ทำให้ผมต้องโดนความร้อน ถือเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผมของคุณมีปัญหาเลยล่ะ ฉะนั้นอย่าให้ผมโดนความร้อนบ่อยเกินไปนัก ให้ลองปล่อยทรงตามธรรมชาติบ้าง ไม่งั้นละก็รากผมและหนังศีรษะของคุณจะอ่อนแอจนต้องเยียวยารักษากันหนักเลยทีเดียว
8. เลี่ยงใช้น้ำร้อนกับเส้นผม
แม้ว่าคุณจะรู้สึกหนาวกายแค่ไหน แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำอุ่นหรือน้ำร้อนมาสระผม เพราะน้ำร้อน ๆ นี่แหละที่จะทำให้ผมของคุณแห้งเสียจนน่าตกใจ ในทางกลับกันการใช้น้ำเย็นจะเป็นมิตรต่อผมมากกว่า แถมยังช่วยล็อกความชุ่มชื้นในผม ทำให้ผมเงางาม และไม่ทำให้ผมเปราะหักง่ายอีกด้วย
9. ปล่อยให้ผมแห้งตามธรรมชาติ
การใช้ไดร์เป่าผมทำให้ผมของคุณแห้งเสียอย่างมาก เอาเป็นว่าลองปล่อยให้ผมแห้งตามธรรมชาติบ้าง และก็ไม่ควรใช้ผ้าขนหนูเช็ดหัวแรง ๆ ด้วยนะ เพราะจะทำให้รากผมอ่อนแอจนผมเปราะหักง่าย แค่เช็ดหมาด ๆ อย่างเบามือแล้วปล่อยให้แห้งเองก็พอแล้ว
10. เล็มปลายผมบ่อย ๆ
คุณอาจจะคิดว่าผมยาวพอดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องตัดหรือเล็มให้เข้าทรงอีก แต่ความจริงคุณควรจะเล็มผมทุก ๆ เดือน โดยเฉพาะผู้หญิงที่ไว้ผมยาวมาก ๆ ควรเล็มออกประมาณ 1-2 นิ้ว ทุก ๆ 3-4 เดือน เพื่อตัดปลายผมที่แห้งเสียและขาดความชุ่มชื้นออกไป
11. อย่าลืมปกป้องเส้นผมขณะว่ายน้ำ
สาว ๆ ที่ชอบว่ายน้ำฟังให้ดี เพราะคลอรีนในน้ำสามารถทำให้ผมคุณเสียดายมากอย่างคาดไม่ถึง ทางที่ดีควรสวมหมวกว่ายน้ำตอนลงสระ เมื่อขึ้นมาแล้วก็ให้รีบสระผมอย่างด่วนเลยนะคะ
12. รับประทานอาหารดี ๆ และมีประโยชน์กับเส้นผม
รู้หรือไม่ว่าอาหารที่ดีสามารถช่วยบำรุงผมได้จากภายใน ลองเน้นการกินผักและผลไม้สด ๆ เพื่อให้ได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญ นอกจากนี้พวกปลาแซลมอนหรือถั่วก็ดีต่อผมเหมือนกันนะคะ แถมยังให้ประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย